28.9 C
Bangkok
วันอาทิตย์, ธันวาคม 3, 2023

แนวโน้มของ Bitcoin ในอนาคต กับ4วิธีการรับมือเพื่อเตรียมพร้อม

Must read

มูลค่าทางตลาดของคริปโต (Crypto Market Cap) โดยรวมในปีที่ผ่านมา (2021) อยู่ที่ประมาณ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.7 Trillion โดยที่ Bitcoin มีส่วนแบ่งทางการตลาดไปแล้วเกินครึ่ง และหากนำไปเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดั่งเดิมอย่าง ทองคำ ที่มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านล้านดอร์ลาร์สหรัฐ จะเห็นได้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ตามมาเกือบ 20 % แล้ว ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับอายุของมัน โอกาสที่ แนวโน้มของ Bitcoin จะเติบโตขึ้นได้อีกนั้นมีสูงมาก แนวโน้มของ Bitcoin ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราต้องมีแนวทางเพื่อเตรียมพร้อมและรับมืออยู่เสมอ

การรับมือกับความผันผวนของตลาด

Bitcoin ถูกจัดอยู่ในประเภทของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากที่สุด และด้วยความผันผวนที่สูงทำให้เกิดเป็นช่องว่างหรือโอกาสในการทำกำไรที่สูงด้วย แต่ที่น่าสังเกตคือ Bitcoin นั้นมีสภาพคล่องที่เพียงพอ และสามารถซื้อเก็บไว้ยาว ๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจำนวนความต้องการของ Bitcoin นั้น จะถูกเพิ่มขึ้นมากกว่า 21 ล้านเหรียญในอนาคต โดยถ้าหากเทียบกับทองคำ ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่ามันจะถูกขุดขึ้นมาได้เรื่อย ๆ ถึงแค่ไหน

ดังนั้นเราจึงต้องพยายามมองหาแนวทางในการลงทุนให้ชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพของตลาดนี้ เพื่อเป็นการวางจุดยืนของเราด้วยว่า เราเข้ามาในตลาดแห่งนี้เพื่ออะไร เพื่อเป็นการเก็งกำไรเท่านั้น หรือต้องลงทุนในระยะยาวด้วย หรือเข้ามาในตลาดแห่งนี้เพราะเล็งเห็นว่าบิทคอยน์จะสามารถต้านทานกับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในอนาคตได้

การมีเทคนิคที่เฉียบคม

Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก ราคาของมันสามารถกระโดดขึ้นลงได้อย่างน่าตกใจ เมื่อราคาสูงก็สูงเกินคาด แต่พอเมื่อราคาลงต่ำ ก็ต่ำจนคาดไม่ถึง การมองหาข้อมูลพื้นฐานจาก Bitcoin จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าเราจะหาเจอและเข้าใจจริง ๆ ราคาก็ไปไกลจากฐานราคาเดิมแล้ว

ดังนั้น การเรียนรู้ระหว่างทาง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก เพราะการที่เรามีความรู้ในด้าน Technical Analysis จะช่วยให้เราเข้าใจตลาดมากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึง “อารมณ์” ของผู้คนในตลาดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมันสามารถที่จะใช้ได้กับในทุกเหรียญและทุก ๆ ตลาดได้อีกด้วย

การมองภาพรวมทั่วโลก

Bitcoin กลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง มันไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ หลายประเทศมีการปรับตัวในการใช้ Bitcoin ในการชำระเป็นค่าใช้จ่ายแทนสกุลเงินท้องถิ่น อีกทั้งสถาบันการเงินหลายแห่งก็เริ่มเข้ามาเก็บ Bitcoin กันมากขึ้น เป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินกระดาษที่มีอยู่ในระบบ(Fiat Currency) หากธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) นั้นยังใช้มาตรการการพิมพ์เงินได้แบบไม่จำกัด ในขณะที่ Bitcoin นั้นมีจำกัด ความเป็นไปได้ที่ความต้องการ (Demand ) ใน BTC นั้นจะยิ่งมีมากขึ้นจนอาจส่งผลเป็น Supply Shock (คือของขาดตลาด) ราคาของ Bitcoin ก็จะพุ่งสูงขึ้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็เชื่อว่าวันหนึ่ง Bitcoin นั้นจะกลายมาเป็นตัวเก็บมูลค่าของผู้คนทั่วโลกได้ เมื่อมูลค่าทางตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่านี้

ควรระมัดระวังการขาดทุน มากกว่าที่จะกลัวตกรถ

สำหรับใครที่เคยเทรด Bitcoin คงรู้ดีว่าการขาดทุนสะสมนั้นเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากว่ามันยังอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่พอรับได้ หรือขาดทุนในจำนวนเงินที่เรารับมือไหว แม้จะยังเสียดายและมีความเจ็บใจลึก ๆ ที่จำเป็นต้องขายตัดขาดทุน หรือบางคนอาจเกิดอาการผิดหวังจากการที่ซื้อในราคาที่ต่ำไม่ทัน หรือที่เรียกกันว่าตกรถ ทำให้เกิดความเสียดาย คนส่วนมากมักจะมองเห็นความผิดพลาดและความเสียดายเพียงแค่ซื้อไม่ทัน

แต่หลายคนกลับลืมนึกไปว่าบางครั้งการได้กำไรเยอะก็มีโอกาสขาดทุนได้เยอะเหมือนกัน ซึ่งการขาดทุนก้อนโตเกินความเสี่ยงที่นักลงทุนรับไหว ก็อาจทำให้เราไม่สามารถทำตามระบบเทรดนั้นได้ตลอดเวลาสิ่งที่ต้องระมัดระวังกันมากขึ้นก็คือในเรื่องของ การบริหารจัดการกับเงินทุน (Money Management) ควรระมัดระวังการขาดทุน มากกว่าที่จะกลัวซื้อไม่ทัน (ตกรถ) Drawdown ที่สูง ๆ นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกันง่าย ๆ หากถ้าหากคุณมี Stop Loss ที่ดีพอ

แม้“อนาคต”จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็พอที่จะพยากรณ์และคาดการณ์ได้บ้าง จากสิ่งที่เป็นใน “ปัจจุบัน”เพราะกาลเวลานั้นมีแต่จะเคลื่อนไปข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงนั้นก็ย่อมเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่มันจะเป็นเรื่องที่ดีหากเรานั้นสามารถระลึกรู้ได้ทันและพร้อมที่จะปรับตัว เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ได้ และสามารถเอาตัวรอดจากตลาดนี้ได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสในการทำกำไรเอาไว้ด้วย

Facebook Comments Box
- Advertisement -spot_img
- Advertisement -spot_img

Latest article